ความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

สวัสดีค่ะ ชาว steemit,

เพื่อนๆ สบายดีไหมค่ะ ตอนนี้ดิฉันติดที่จะต้องเขียนรายงานตัวกับทุกคนไปเสียแล้ว ถ้าไม่ได้เขียนแล้วจะนอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว

วันนี้อยากจะมาบอกเล่าเก้าสิบเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจของดิฉันและสามี ตามที่เพื่อนๆ ได้รู้ไปแล้วว่าเราทั้งคู่เปิดกิจการรีสอร์ทขนาดเล็ก ชื่อ พารากอน สปา รีสอร์ท ให้บริการที่พักและมีสถานที่สำหรับบริการนวดไทย ให้กับลูกค้า ในส่วนตัวกิจการด้านที่พักนั้นเป็นไปได้ด้วยดี แต่ในส่วนของงานนวดและสปา นั้นเป็นธุรกิจที่เราไม่คุ้นเคยและไม่ได้มีประสบการณ์มาก่อน แต่ดิฉันก็ชอบไปเข้าร้านสปา ไปนวดน้ำมัน ขัดตัว บ้างบางครั้ง ทำให้พอจะเข้าใจรูปแบบของงานบริการแนวนี้ แต่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก ดิฉันก็ไม่ได้รู้สึกนิ่งนอนใจ พยายามขวนขวายหาความรู้ โดยเข้าไปศึกษาในอินเตอร์เน็ต เช็คราคาผลิตภัณฑ์ที่ควรจะใช้ หรือได้ลองไปนวดตามสปาระดับโรงแรมห้าดาว เพื่อที่ดิฉันจะได้นำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานที่ของดิฉันมากที่สุด (บางครั้งการหาแรงบันดาลใจก็ต้องยอมเสียเงินลงทุนกันบ้าง)

แนวคิดของดิฉันกับร้านนวดและสปาในรีสอร์ทจะเน้นเรื่องงานบริการและคุณภาพของสินค้าที่เราใช้ต้องมีคุณภาพดี ดังนั้นราคาโปรแกรมของเราจะแพงกว่าร้านนวดทั่วๆไปในบริเวณใกล้เคียง ประมาณ 40-50 % ดิฉันไม่กลัวว่าจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ เนื่องจากสถานที่ของเรานั้นสวยงาม ตกแต่งดูดีมีราคา และการบริการของเราต้องให้สมราคากับที่ลูกค้าจ่ายมา ตั้งแต่การต้อนรับเราจะเสริฟน้ำสมุนไพรพร้อมผ้าเย็น การให้ข้อมูลของพนักงานเกี่ยวกับโปรแกรมที่เรามี สามารถให้คำตอบลูกค้าได้ ไม่พยายามยัดเยียดโปรแกรมที่ลูกค้าไม่อยากทำ ลูกค้าจะได้ไม่อึดอัด ตลอดจนมารยาทของพนักงานนวด ที่ต้องสุภาพ ทางดิฉันมีการจ้างอาจารย์มาสอนนวดปรับพื้นฐานให้กับพนักงานนวดทุกคน เพื่อที่ลูกค้าจะได้พอใจในการบริการของเรามากที่สุด ดิฉันใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น น้ำล้างเท้า เราจะใช้น้ำอุ่นไม่ใช่น้ำเย็น และ ต้องใส่ชาจีน พร้อมมะกรูดหรือมะนาวที่ฝานเป็นแว่นบางๆ ใส่ลงไปที่อ่างล้างเท้าของลูกค้า และใช้ดีเกลือในการขัดเท้าลูกค้าด้วย ถึงบางครั้งมะกรูดและมะนาวจะมีราคาแพงมากในบางช่วง แต่ดิฉันก็ไม่เคยลดต้นทุน เพราะเราต้องการรักษามาตรฐานการบริการของเราไว้ ตรงนี้เป็นการสร้างความแตกต่าง เวลานวดเสร็จแล้วเราจะเสริฟชาสมุนไพรร้อน เราจะใช้แต่สมุนไพรไทย คือ มะตูม ใบตะไคร้แห้ง ขิงแห้ง และใบเตยต้มรวมกัน ที่สำคัญเราใช้ใบหญ้าหวานแทนน้ำตาล เวลาลูกค้าดื่มก็จะได้รสหวานดื่มง่ายขึ้นและได้สุขภาพ บางครั้งคนมักจะคิดว่า ทำธุรกิจกับลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะเรื่องนวด ไม่ต้องไปพิถีพิถันมาก เพราะคนต่างชาติไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่ดิฉันไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่ ฉันอยากให้ลูกค้าทุกคนที่รับบริการที่ร้านของดิฉันเกิดความประทับใจมากที่สุด และจะได้พูดถึงเมืองไทยในแง่ดี ไม่อยากได้ยินนักท่องเที่ยวบอกว่าเมืองไทยมีแต่พวกจกตา ชอบหลอกหากินกับคนต่างชาติ ถ้าดิฉันมีโอกาสสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับเมืองไทยและคนไทย ดิฉันก็อยากจะทำให้ดีที่สุด ในเมื่อดิฉันเกิดบนแผ่นดินไทยที่เป็นที่ทำมาหากินและให้ที่พักพิงทั้งดิฉันและสามี ให้นอนหลับสบาย เรื่องการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองให้เค้าเกิดความประทับใจมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังเรานัก (ฟังดูเป็นนางเอก นางสาวไทยไปไหมค่ะ 555) ผลิตภัณฑ์ที่ดิฉันเลือกมาใช้ก็จะมีราคาต้นทุนค่อนข้างสูง เพราะดิฉันอยากให้ลูกค้ารับรู้ได้เลยว่ามันแตกต่างจากการไปนวดกับที่อื่น เพราะเราตั้งราคาสูงกว่าชาวบ้าน มาตรฐานก็ต้องสูงกว่าชาวบ้านเช่นกัน ไม่อย่างนั้นลูกค้าคงแหกอกดิฉันแน่ๆ

การที่ดิฉันทำอะไรแบบชัดเจน ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และราคาสมเหตุสมผล ทำให้ธุรกิจนวดของดิฉันได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าที่พักกับรีสอร์ทและลูกค้าจร ถึงจะมีลูกค้าบางคนมาบ่นเรื่องราคาที่สูงไปกว่าร้านใกล้เคียงแต่ดิฉันหรือพนักงานของเราไม่เคยโกรธหรือต่อว่าลูกค้า แต่เราจะอธิบายถึงความแตกต่างในเรื่องการให้บริการ และถ้าลูกค้าอยากจะนวดในราคาที่ถูกลงดิฉันก็จะแนะนำให้ไปนวดร้านใกล้เคียงจะเหมาะสมกว่า เพราะดิฉันไม่ชอบการตัดราคากัน มันทำลายความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนบ้านที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน ดิฉันคิดว่าถ้าเราทำธุรกิจแบบเกื้อหนุนส่งเสริมกัน ไม่ใช่แบบแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย ธุรกิจเราจะยั่งยืน และเราก็จะมีความสุขเพราะเพื่อนบ้านจะรักและช่วยเหลือเรายามที่เราอาจจะมีเหตุขัดข้องบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือ คนเราจะเก่งคนเดียวในโลกนี้ไม่ได้หรอกค่ะ เราต้องมีเพื่อนหรือกัลยาณิมิตรที่ดีต่อกันด้วย ชีวิตถึงจะมีความสุข

ตอนปีแรกที่เปิดทำธุรกิจนวดและสปาที่รีสอร์ทนั้น ถือว่าไปได้ดีทำกำไรให้กับดิฉันและสามีพอสมควร ทำให้เราเกิดความมั่นใจและมองหาโอกาสใหม่ๆ โดยการหาที่ทำร้านนวดและสปาเพิ่ม แต่การทำธุรกิจมันไม่ได้มีแต่คำว่าสำเร็จอย่างเดียว มันก็มีคำว่าไม่สำเร็จด้วย ดิฉันได้เปิดร้านนวดเพิ่มที่ตลาดท้องศาลาและเราใช้รูปแบบการบริการเดียวกันกับที่รีสอร์ท ดังนั้นราคาของเราก็จะแพงกว่าร้านใกล้เคียงค่อนข้างมาก เพราะที่ตลาดท้องศาลานั้น ร้านนวดไทยแบบเล็กๆ จะเยอะมาก และลูกค้าจะเป็นขาจรที่ไม่ต้องการความพิถีพิถันหรือคุณภาพสูงมากนัก ทำให้ร้านของเราที่ตลาดท้องศาลาดำเนินไปได้ไม่ดีนัก ประกอบกับการที่เราเปิดเพิ่มเป็น 2 สาขา ทำให้เราต้องจ้างพนักงานนวดมากขึ้น ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ทำให้ร้านที่ 2 ได้เงินมาแค่พอจ่ายค่าเช่าร้าน และปัญหาเรื่องพนักงานนวดกันเอง เป็นปัญหาที่โลกแตกมากค่ะ ใครที่ทำธุรกิจนี้อาจจะพอเดาได้ เพราะมนุษย์เราไม่มีคำว่าพอดี หรือ พอใจ ทำให้ดิฉันและสามีปวดหัวมาก เหมือนเรารนหาที่ ไม่น่าเปิดเลย แต่คนเราใครจะรู้คะว่าสิ่งที่เราทำมันจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวถ้าเราไม่ได้ลงมือทำ เราพูดไม่ได้หรอกค่ะ ดังนั้นเราก็ทนเปิดไปได้แค่ 1 ปี ดิฉันก็ไม่อยากจะฝืนทำต่อไป เพราะไม่งั้นฉันก็จะต้องดึงกำไรที่ได้จากรีสอร์ทมาโป๊ะส่วนที่ขาดทุนของร้านที่ 2 ดิฉันเลยตัดสินใจปิดกิจการ ดิฉันไม่สนใจคำคนภายนอกพูดว่าฉันทำแล้วเจ๊ง ล้มเหลว ไม่เคยกลัวเสียหน้า เพราะดิฉันคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ทำทุกอย่างและจะประสบความสำเร็จหมด เราต้องผ่านความล้มเหลวกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าบางคนพูดว่าไม่เคยพลาดไม่เคยผิด ดิฉันว่าคนๆ นั้น ไม่เคยลงมือทำอะไรเลยมากกว่า แค่ยืนดูคนอื่นเค้าทำน่าจะถูกต้องที่สุด

ภาพร้านนวด สาขาที่ 2 ที่เป็นอดีตไปแล้ว แต่ก็ให้บทเรียนสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้ดิฉันได้ดีเลยค่ะ

ดิฉันให้เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนบทเรียนสอนใจว่า ถึงธุรกิจแบบเดียวกัน แต่ทำในสถานที่ ๆ แตกต่างกัน ปัจจัยภายนอกต่างกัน ก็มีส่วนทำให้ธุรกิจที่ควรจะได้กำไรเป็นขาดทุนไปได้ ดังนั้นจะต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะทำอะไรลงไป แต่ก็อย่าไปกลัวมากจนไม่คิดจะทำอะไรเลย ถ้าคิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจก็ต้องมีใจนักเลงกล้าได้กล้าเสียบ้าง ไม่งั้นก็ไปทำงานประจำจะเซฟตัวเองได้ดีที่สุดไม่ต้องมากังวลว่าจะขาดทุนหรือได้กำไร เพราะเงินเดือนที่ได้ก็เท่าเดิมทุกๆ เดือน

แต่คนอย่างดิฉันไม่เคยคิดจะหยุดนิ่ง เพราะสถานที่ตั้งนั้น ทำเลดี ติดกับตลาด รถวิ่งคนเดินผ่านตลอด เพราะใกล้ท่าเรือท้องศาลา ท่าเรือหลักของเกาะพะงัน และคนต่างชาติเค้านิยมเดินไปเรื่อยๆ ตามถนนซอกซอย ก็จะมีคนเดินผ่านไปมาตลอด ดิฉันเสียดายทำเล ไม่อยากคืนให้กับเจ้าของเพราะราคาเช่าก็ไม่แพงมากนัก ถ้าเทียบกับทำเลที่ตั้ง ดิฉันเลยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสอีกครั้ง แต่ยังไม่บอกตอนนี้นะค่ะ อยากให้เพื่อนๆ ติดตามตอนต่อไปว่าดิฉันจะทำอะไรอีกเนี๊ยะ ไม่เคยหยุดพักเลย 5555

ชีวิตของทุกคนมันจะมีช่วงที่มีปัญหาของชีวิต เกิดวิกฤตในชีวิต ดิฉันอยากให้ทุกคนมีสติ ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนตัวเองให้เรียนรู้ ดิฉันเป็นคนที่เชื่อว่าทุก ๆ ปัญหามีทางแก้ไข มีทางออก อยู่ที่เราพร้อมจะเผชิญกับปัญหาหรือวิ่งหนีปัญหานั้น จงอย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาที่จะเข้ามา แต่จงกลัวว่าจะเป็นคนที่หนีปัญหาไปตลอดชีวิต

ขอบคุณค่ะ

วิ