ที่่ที่เคยพำนักพักพิงกาย
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวสตีมอิททุกท่าน วันนี้ฉันจะมาเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังกันค่ะ ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าฉันเป็นคนชนบท บ้านฉันอยู่ห่างตัวอำเภอประมาณ8กิโลเมตร
ชีวิตของฉันหลังแต่งงานแล้วค่อนข้างลำบาก ทำไมนะเหรอ ก็แฟนของฉันนะสิเขาเป็นคนขยันมาก คนทั้งหมู่บ้านจะรู้จักเขาในนาม"คนขยัน"
จนผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีลูกสาวอยากได้เขาไปเป็นลูกเขย
สำหรับรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ใช่คนหล่อ เราไม่ได้จีบกันหรอกค่ะ เราทั้งสองต่างก็มีคนรักอยู่แล้ว
แต่ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามเลยจัดการให้เราแต่งงานกัน อ้อ...ลืมบอกไป บ้านเราอยู่ติดกันเลยค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อย นานๆครั้ง เพราะเขาไปขับเรือหาปลาค่ะ
ด้วยความที่เขาขยันและประหยัด เขาจึงมีเงินซื้อทีดินตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เงินค่าดองก็เป็นเงินเก็บของเขาเองค่ะ ค่าดองตอนนั้นก็15000บาทกับทอง2บาท สมัยนั้นก็ถือว่าเยอะเหมือนกัน
หลังจากเสร็จงานแต่ง เขาจะไปขับเรือหาปลาอีก แต่พวกผู้ใหญ่ได้ห้ามไว้ คงเป็นเพราะเขาคงมีบุญอยู่จึงไม่ไป เพราะหลังจากนั้นเพื่อนที่เคยไปด้วยกันก็หายสาบสูญโดยไร้ร่องรอย เหตุจากช่วงนั้นได้เกิดพายุเกย์นั่นเองค่ะ
พูดซะยืดยาวเลย มาดูชีวิตหลังแต่งงานกันค่ะ แรกๆเวลาไปทุ่งนาหรือบ้านฉันเรียกสั้นๆว่า"ไปนา"ค่ะ เราจะปั่นจักรยานซ้อนท้ายกันไปนาทุกวัน สมัยนั้นมีจักรยานปั่นก็ถือว่าดีแล้วค่ะ
จนกระทั่งเรามีลูกด้วยกัน เราจึงไปพักอยู่ที่ทุ่งนาเลย เพราะการไปมาไม่สะดวก ที่เราได้อยู่อาศัยนี้บ้านฉันเรียกว่า"เถียงนา"ค่ะ
นั่นแหละค่ะคือที่หลบแดด หลบฝนของเรา เมื่อถึงหน้าฝนจะลำบากมาก เพราะยามฟ้าใหม่ฝนใหม่จะมีทั้งฝนตก ฟ้าร้อง ลมแรงและตามมาด้วยก้อนน้ำแข็งก้อนเล็กๆที่ตกลงมาจากฟ้า ฉันและสามีก็จะอุ้มลูกไปหลบฝนและหาอะไรหนาๆมาหุ้มลูกไว้ เราไปหลบฝนอยู่ข้างล่างเพราะกลัวว่าลมจะอุ้มเถียงนาไป สมัยนั้นเวลาฝนตกน่ากลัวมากค่ะ เสียงฟ้าร้องดังสนั่น ตามมาด้วยฟ้าแลบและเสียงฟ้าผ่า
ได้ยินเสียงฟ้าผ่าทีไรเราจะหมอบลงทันที
นึกถึงอดีตทีไรสงสารลูกมากค่ะ เขาต้องทนลำบากไปด้วยกัน ฉันอยู่ที่นี่นานมาก จนฉันรักและผูกพันกับเถียงนาหลังนี้ ยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ฉันเล่าไม่จบ เอาไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะที่ฟังจนจบ
ขอบคุณที่โหวต คอมเม้นต์และเป็นกำลังใจให้ฉันนะคะ ขอบคุณค่ะ