กราบหลวงปู่ทวดวัดช้างให้

สวัสดีครับชาว Steemit,

หลังจากเมื่อวานผมได้โพสแนะนำตัวเองไปแล้ว ผมเลยอยากมาแชร์ช่วงเวลาที่ผมประทับใจจากการเดินทาง เมื่อปี2 ก่อนผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่ทวด ที่วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี ตามที่เคยตั้งใจใว้นานแล้วว่าถ้ามีวาสนาและโอกาสที่ดี จะต้องไปกราบหลวงปู่ทวดถึงวัดช้างให้ ที่จังหวัดปัตตานีให้ได้สักครั้ง และเมื่อปลายปี 2558 ความหวังก็เป็นจริง ทุกอย่างลงตัว จึงตั้งใจว่าจะต้องกราบหลวงปู่ทวดในปีนั้นให้ได้และวันดีที่ควรจะไปก็คือ วันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดของผม เมื่อเป็นที่ตกลงใจแล้วจึงโทรไปจองตั๋วรถไฟ นี้เป็นครั้งแรกที่เดินทางลงภาคใต้ ด้วยรถไฟ ระยะทางพันกว่ากิโล ไปจังหวัดที่ได้ชื่อ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหา แต่สำหรับผม ไม่มีความรู้สึกกลัวหรือกังวลใดๆ ทั้งสิ้น ผมว่าสบายมากเลยครับเดินทางด้วยรถไฟ ไม่เหนื่อยขับรถ ได้เจอบรรยากาศใหม่ๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยครับ (เสียดายรูปบนไฟหาไม่เจอมีแค่ภาพบางส่วนมาให้ดู)

ในวันเดินทาง เริ่มออกจากหัวลำโพงบ่ายโมง วันที่ 5 ธันวาคม ถึง สถานีวัดช้างให้ประมาณ 10 โมงเช้าวันที่ 6 ธันวาคม รวมเวลาก็ 21 ชั่วโมง ผมเลือกขึ้นตู้นอน เพราะใช้เวลาเดินทางนาน ถึงจะเหนื่อยแต่ความศรัทธาในใจ ทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้นที่จะทำความฝันที่ตั้งใจให้เป็นจริง

เมื่อถึงสถานีวัดช้างให้แล้ว ก็เดินข้ามรางรถไฟไปวัดซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับสถานี เข้าไปกราบหลวงปู่ทวด และหลวงปู่ทิม แล้วก็เดินเตร็ดเตร่ ชมวัดและหาข้าวกิน

ผมขอลงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติวัดช้างให้ เผื่อๆ เพื่อนๆ สนใจไปเที่ยวจะได้รู้ไว้ก่อนครับ

วัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธ์ิ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านได้เดินธุดงค์ไปมา ระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้ และได้สั่งลูกศิษย์ไว้ว่า ถ้าท่านมรณะภาพ ขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ ซึ่งเมื่อท่านมรณะภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ก็ได้นำศพท่านมา ทำการฌาปนกิจที่วัดช้างให้ อัฐิของท่านส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัดช้างให้

เมื่อปี พ.ศ. 2480 พระครูมนูญเจ้าอาวาสวัดพลานุภาพ เจ้าคณะตำบลทุ่งพลา ให้พระช่วงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ ท่านได้ชักชวนชาวบ้านมาแผ้วถางป่า สร้างกุฎิ ศาลาการเปรียญ พร้อมเสนาสนะอื่น ๆ จึงได้ชื่อว่า วัดราษฎร์บูรณะ เจ้าอาวาสองค์ต่อ ๆ มาก็ได้บูรณะเพิ่มเติมวัดช้างให้ มาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน วัดช้างให้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2500 และผูกพันธสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2501

ที่มา http://www.dhammathai.org/watthai/south/watchanghai.php

เสร็จแล้วก็มานั่งรอรถไฟท้องถิ่นที่สถานี ขึ้นฟรีไม่เสียตังค์ ผมอยากลองท่องเที่ยวแบบลุยๆ เหมือนพวกฝรั่งแบกเป้ Backpacker เพื่อจะไปหาดใหญ่ รถไฟออกจากสถานีวัดช้างให้ประมาณบ่ายโมง เมื่อถึงหาดใหญ่ ประมาณ บ่ายสาม (ตามสไตล์รถไฟไทย หวานเจี๊ยบ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม)

ลงรถไฟแล้วก็เดินไปที่โรงแรมซึ่งไม่ไกลจากสถานีมากนัก เดินประมาณ 10 นาที พักเที่ยวที่หาดใหญ่ หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นวันที่ 7 ธันวาคม หลังจากเช็คเอ้าท์ เลือกเดินมาที่สถานีรอกลับ กทม คราวนี้ลองแนวนั่งกลับไม่นอนกลับกรุงเทพฯ ผลที่ได้หลังแข็ง ก้นด้านไปเลยครับ แต่ได้ประสบการณ์สนุกๆ ดีครับ ฮาๆๆ

หวังว่าเพื่อนๆ จะชอบเรื่องราวแรกที่ผมลงให้เพื่อนๆ อ่านกันนะครับ คราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไร รอติดตามอ่านกันนะครับ

ผมขอขอบคุณทุกแรงโหวต และคอมเม้นท์ของเพื่อนๆ นะครับ

ขอบคุณครับ

ตุ๋ย อินเตอร์