วิวัฒนาการการทำงานออนไลน์ work at home
สวัสดีครับพี่น้อง steemains วันนี้ผมได้ทำการ live สดในหัวข้อ วิวัฒนาการการทำงานออนไลน์ work at home ซึ่งผมเล่าถึงประสบการที่ผ่านมาและจากการลงมือทำ จึงอยากจะมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ และผู้คน ผมอยากเห็นคนไทยให้ความสนใจ และหันมาเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่าความบันเทิงเพียงเดียว
ผมเองไม่ได้จบมาทางด้านไอทีแม้อต่น้อย แค่เป็นคนกล้าใช้งานมันโดยไม่ปิดกั้นว่า ใช้ไม่ได้หรอก เราไม่เก่ง หรือไม่กล้าใช้ ผมจึงเป็นตัวแทนได้ดีสำหรับคนที่เป็นกังวลเหล่านี้ ผมเริ่มต้นให้ความสนใจเทคโนโลยีครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 20 ปี จากข่าวมีเด็ก ม.6 ขายเว็บไซต์ sanook.com ในตอนนั้นแล้วได้เงินหลายล้านบาท ซึ่งทำให้รู้สึกอยากรู้และอยากเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้มันเป็นอย่างไร ซึ่งผมเองก็ศึกษาเรียนรู้มาเรื่อยๆ จึงอยากสรุปประสบการณ์ดังนี้ ในเรื่องของวิวัฒนาการการทำงานออนไลน์ work at home
ยุคที่ 1 ยุคของเวบท่า Portal
ซึ่งได้แก่ yahoo.com, sanook.com, kapook.com, เว็บเหล่านี้จะรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เป็นที่สนใจของผู้คน และมีรายได้จากการขายพื้นที่โฆษณา ให้ผู้เช่าซื้อ เพื่อติดแบนเนอร์โฆษณา ซึ่งก็จะมี rate ราคา ต่างๆ ตามการวิเคราะห์ในการมีโอกาสในการมองเห็นของผู้เข้าชม
ยุคที่ 2 หลังฟองสบู่ดอทคอม
ซึ่งในตอนนั้นเป็นยุคที่เริ่มรู้สึกว่าอินเตอร์เน็ตเป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นและปั่นราคามูลค่าของเว็บไซต์เพื่อขายกันในราคาสูง แต่ไม่สามารถทำกำไรได้จึงเริ่มล้มหายตายจากกันไป
ยุคที่ 3 ยุคของ search engine google.com
หลังยุคฟองสบู่และเกิด google.com ขึ้นมา ด้วยหน้าตาที่ใสสะอาด ทำให้คน google เป็นที่นิยมในความง่ายใน
การหาข้อมูล และดูเหมือนจะเป็นการยกระดับการศึกษาของคนขึ้นมามากทีเดียว ที่ทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้อย่างง่ายดาย หลายคนสงสัยว่า google ให้ใช้กันฟรีๆ แต่ทำไมถึงรวยเอาๆ เพราะเมื่อมีคนใช้เยอะ google ก็ขาย keyword เพื่อให้แต่ละเว็บทำการประมูลเพื่อทำการโฆษณากับ google ให้คนสามารถค้นหาได้
เจออันดับต้นๆ ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งเรียกว่า google adword และในขณะเดียวกัน google ก็ให้ผู้ที่มีเว็บไซต์สามารถนำโฆษณาไปติดที่เว็บไซต์เพื่อได้รับส่วนแบ่งค่าโฆษณษจากคนซื้อโฆษณาฝั่ง adword จึงทำให้ google มีรายได้มหาศาล และต่อมา google ก็ทำการซื้อ youtube.com เป็นเว็บที่รวบรวมเรื่องราวเป็นวิดีโอ และให้ผู้คนสามารถทำวิดีโอขึ้นไปบน youtube และจะได้รับเงินค่าโฆษณาเช่นเดียวกัน และผู้สร้างวิดีโอเมื่อมีคนติดตามเป็นจำนวนมาก ก็จะเป็นที่สนใจให้ทำการโฆษณาสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ซึ่งก็จะได้เงินค่าโฆษณาเป็นช่องทางการหารายได้อีกทาง จะเห็นว่ามีคนออกมาทำช่องรายการผ่าน youtube มากมาย
ยุคที่ 4 ยุคของ social media
อย่าง Facebook, Istragram ซึ่ง Facebook ก็รวยได้จากรายได้จากการโฆษณาของผู้ทำเพจของ Facebook เพราะเมื่อมีคนใช้มากขึ้นเรื่อยๆ การเข้าถึงก็ทำได้อยากขึ้นจึงต้องอาศัยเครื่องมือการทำโฆษณาของ Facebook แต่ในขณะเดียวกันผู้ใช้ก็สามารถสร้างรายได้จากการเปิดเพจและเขียนคอนเทนด์เนื้อหาให้น่าสนใจและมีคนติดตามให้มากๆ ก็จะมีแบรด์นสินค้ามาให้ความสนใจและจ่ายเงินให้ค่าโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้ที่ดีทีเดียวหากทำได้ เช่น Page อีเจี๊ยบเลี๊ยบด่วน บางเพจมีราได้หลักหมื่น หลักแสนบาทต่อเดือนถ้าทำได้ ซึ่งหากใครเข้ามาทำตอนนี้ก็จะมีความยากมากขึ้น ต้องคิดคอนเทนด์ที่เจ๋งจริงๆ และอาจจะต้องทำการซื้อโฆษณาควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย
ยุคต่อไป คือยุคของเงินดิจิตอล ที่สามารถทำได้จากการเล่น social media
ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีทุนเลย เพราะมีหลักการว่าการโพสต์เปรียบเหมือนการขุดเหรียญดิจิตอล สิ่งที่ต้องทำคือนำเรื่องราวของเราไปโพสต์บน steemit.com และเมื่อมีคนโหวตให้เราก็จะได้เงินดิจิตอล หลักการง่ายๆ แค่นี้เอง ซึ่งทำให้การทำงานออนไลน์เป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้นและที่สำคัญคือแทบไม่ต้องใช้ทุนเลย
ติดตามดูคลิปได้ที่ Facebook
https://www.facebook.com/Apichat.buotong/videos/10212082912121557/
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและติดตามกันนะครับ
LOVE LOVE
@pichat
Thank you for Using #promo-steem tag, Promote steemit by inviting your friends and your family!
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณเช่นกันครับพี่อ้อม ที่เป็นกำลังใจกันครับ
เช่นกันค่ะน้องชาติ