กระแสที่ต้องจับตามองกับสังคมไร้เงินสด

สวัสดีครับพี่น้อง Steemains ทุกท่าน วันนี้ผมได้อ่านบทความที่พูดถึง "สังคมไร้เงินสด" ซึ่งเป็นเรื่องที่หน้าสนใจอย่างยิ่ง จึงนำมาเล่าต่อให้เพื่อนๆ ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ สังคมไร้เงินสดกำลังจะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวในอีกไม่ช้าไม่นาน ซึ่งถ้าพูดถึงสังคมไร้เงินสด ก็ต้องยกเครดิตให้เจ้าพ่อ อาลีบาบา แจ๊คหม่า ผู้สร้างผลักดันและเป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้ประเทศจีนกำลังกลายเป็นสังคมไร้เงินสดเกิดขึ้นจริง และเป็นกระแสไปทั่วโลก โดยที่ขณะนี้ แจ๊คหม่ากำลังทำเรื่อง 3 ใหญ่ให้เกิดขึ้นในประเทศจีน

เรื่องแรกคือ แจ๊คหม่ากำลังทำการยึด 2 เมือง ในจีน คือ เมืองเทียนสิน และ เมืองฝูโจว ให้กลายเป็นเมืองไร้เงินสด

ซึ่งแจ๊คหม่าและทางการฝูโจวได้เซ็นสัญญาความร่วมมือให้เมืองฝูโจวซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนกลายเมืองไร้เงินสดเมืองแรก ซึ่งมีผลกระทบกับร้านค้าต่างๆ มากกว่า 90% ของเมืองฝูโจว และแจ๊คหม่ากับทางการเทียนสิน ก็ได้ทำการเซ็นต์สัญญาความร่วมมือกับอาลีเพย์ Alipay เพื่อครอบคลุมทั่วเมืองเทียนสินด้วยสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามาคือ ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการจราจรในเมือง ทางด่วน การขนส่ง การซื้อตั๋ว ล้วนจะจ่ายค่าตั๋วผ่านอาลีเพย์ ด้วยการสแกนคิวอาร์โค๊ต การรักษาพยาบาล ประกันสุขภาพ สามารถชำระเงินผ่านมีเดียการ์ดมือถือ โครงการไร้เงินสดของแจ๊คหม่านี้ นับเป็นการเร่งจังหวะก้าวในทุกด้าน นับเป็นการทำลายระบบเงินสดเดิมให้หมดไปทั่วทั้งประเทศต่อ ลองคิดดูว่าจากนี้ไป ตู้ ATM จะไปเก็บไว้ที่ไหน โรงพิมพ์ธนบัตรจะต้องปฏิรูปตัวเองอย่างไร แม้แต่โจรปล้นทรัพย์ก็อาจตกงาน พนักงานเก็บเงิน แคชเชียร์แบบดั้งเดิมจะยังยิ้มออกกันอยู่ไหม

เรื่องที่สอง แจ๊คหม่าประกาศเปิดตัว แบงค์ ออฟ คอมเมอร์ช (Bank of Commerce) อย่างเป็นทางการ

แบงค์ ออฟ คอมเมอร์ช จะทำการรับฝากหรือปล่อยกู้แบบไม่อั้น ซึ่งจะทำให้การกู้เงินของพ่อค้าแม่ค้าตัวเล็กๆ ไม่ต้องง้อใครอีกแล้ว ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ต้องให้ใครรับรอง เพียงแต่ชำระเงินด้วยระบบอาลีเพย์ ไม่ว่าจะ 1 เหมา หรือหลายหยวน แจ๊คหม่าจะนำข้อมูลเหล่านี้แปรเป็นเครดิต ซึ่งหมายความว่า บรรดาแม่ค้าหาบเร่ แผงลอยนับแสนนับล้านราย จะมีคุณสมบัติที่สามารถกู้เงินจากธนาคารนี้ได้ ทำให้ "คนยากคนจน" ซึ่งเดิมทีเคยถูกธนาคารดั้งเดิมเมินเฉย ไม่เหลียวไม่แล ได้มีโอกาสรับบริการทางด้านการเงินกันอย่างถ้วนหน้า แจ๊คหม่าได้บอกต่อชาวบ้านที่ยังไม่เคยได้รับบริการทางด้านการเงินทั้งหลายว่า ไม่ต้องห่วง ขอเพียงท่านรักษาเครดิต เราก็พร้อมให้บริการท่าน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แบงค์ ออฟ คอมเมอร์ช ได้ปล่อยกู้ให้แก่พ่อค้าแม่ค้าทั่วประเทศ กว่า3,500,000 ราย รวมเป็นยอดเงินที่ปล่อยกู้ 197,100 ล้านหยวน และมีหนี้เสียเพียงแค่ 1% เท่านั้น

เรื่องที่สาม ร้านค้าปลีกไร้พนักงานเริ่มก่อสร้างและใกล้จะเปิดดำเนินการแล้ว

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเผยแพร่ออกมาถึง ร้านค้าปลีกไร้พนักงานที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเปิดให้บริการ โดยใช้วิธีการสแกนคิวอาร์โคดเพื่อเข้าร้าน และเลือกซื้อสินค้าเอง ซึ่งจะหักเงินอัตโนมัติ ทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นจะไม่มีพนักงานเก็บเงิน ไม่มีพนักงานนำซื้อ ไม่มีพนักงานบริการ และทุกขั้นตอนก็ไม่ต้องควักมือถือเพื่อทำการจับจ่ายสินค้า เพราะทั้งหมดถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ และตอนออกจากร้านจะถูกหักเงินโดยอัตโนมัติ ซึ่งก่อนหน้านี้บรรดาร้านค้าปลีกที่เคยถล่มแจ๊คหม่าว่าเพ้อเจ้อ มาถึงตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติอย่างฉับพลัน และกำลังร่วมมือกันเพื่อวางแผนร้านค้าปลีกแบบใหม่เพื่อรับมือร้านค้าปลีกของแจ๊คหม่า

กลับมามองการก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของประเทศไทยกันบ้าง ซึ่งหลายฝ่ายก็กำลังที่จะเริ่มตื่นตัวและเริ่มมีการพูดถึง การใช้จ่ายดำเนินชีวิตประจำวัน ที่ไม่ต้องคำนึงถึงเงินสดในกระเป๋า หรือแม้แต่เงินในโทรศัพท์มือถือ เพราะรูปแบบสังคมไร้เงินสดในอนาคตอันใกล้ อาจจะเป็นการชำระเงินผ่านนาฬิกา และหรือเทคโนโลยีอื่นๆที่ถูกย่อส่วน ซึงอยู่ติดบนร่างกายของมนุษย์ เรียกว่าเงินสามารถอยู่บนร่างกายคุณ หรือบนอุปกรณ์อื่นๆ และในอนาคตยังจะเกิดระบบที่เรียกว่า Machine-to-Machine Payment ที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบ Internet of Things (IoT) เช่น รถยนต์เมื่อถูกขับเข้าไปเติมน้ำมัน รถยนต์ของเราจะสามารถจ่ายเงินให้กับหัวปั๊มจ่ายน้ำมันโดยตรง ด้วยเซ็นต์เซอร์ตรวจจับ ว่าใช้น้ำมันประเภทใด ได้ถูกเติมลงในถังเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ว่าไม่เพียงแค่เป็นการจ่ายเงินแบบดิจิทัล แต่เป็นการทำธุรกรรมที่แล้วเสร็จโดยที่เราไม่ทำกิจกรรมกับจ่ายเงินเลย

เทคโนโลยี Blockchain กำลังเปลี่ยนโลก! คนเริ่มก่อนคือได้โอกาสก่อน

ซึ่ง Blockchain ไม่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาสู่การใช้จ่ายรูปแบบใหม่เท่านั้น แต่หมายถึงการทลายข้อจำกัดเรื่องสกุลเงิน สู่เงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเท่ากันทั่วโลก ไม่มีต้นทุนในการพิมพ์ธนบัตร ไม่มีส่วนต่างระหว่างสกุลเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียมในการโอนระหว่างบัญชีระหว่างประเทศ ( หรือมีแต่ก็น้อยมาก เมื่อเทียบกับระบบปัจจุบัน ) ภายใต้รูปแบบ Decentralized Economy ที่เป็นการกระจายอำนาจไปสู่ผู้ใช้งาน ไม่ได้รวมอำนาจการเงินไว้ที่ตัวกลางอย่างธนาคารเหมือนเช่นเคย

คนไทยยังมีข้อจำกัดด้านความเข้าใจในเทคโนโลยี Blockchain

ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมหาศาลในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ยกตัวอย่างโลกโซเชียลมีเดียแบบใหม่ บนระบบ Blockchain ซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายกับ Facebook, Twitter แต่แตกต่างเนื่องจากผู้ใช้งานจะได้รับเงินเมื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าสนใจลงในโซเชียลมีเดียแบบใหม่นี้ ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อประมาณเดือนมีนาคมปี 2016 คือ steemit.com ซึ่งการที่เราโพสต์เรื่องราวบนโซเชียลมีเดียดังกล่าวนี้ และมีผู้ให้ความสนใจในเนื้อหาของเรามาก นั่นหมายถึงมูลค่าเงินที่ผู้นำเสนอคอนเทนต์จะได้รับจากการกดโหวต หรือกดไลด์ ซึ่งแตกต่างจากระบบเดิมที่เงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการโฆษณาจะเป็นรายได้ของผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียเป็นหลัก และรูปแบบธุรกิจบน Blockchain ยังสามารถต่อยอดไปสู่การใช้งานในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น การศึกษา สุขภาพ บันเทิง เป็นต้น แล้วจะทำให้เศรษฐกิจ กลายเป็น Decentralized Economy ไม่ใช่เป็นเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ในองค์กรใหญ่ ๆ เหมือนในปัจจุบันอีกต่อไป

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลต่อพวกเราทุกๆคน จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ตนเอง ซึ่งทุกคนสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแค่ผู้ใช้งานหรือเป็นผู้สร้างโอกาสทางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ขอบคุณเครดิตข้อมูลจาก
https://www.marketingoops.com/reports/behaviors/the-future-of-payment/
http://www.nationtv.tv/main/content/378583321/