เมื่อเราเห็นคนตกทุกข์ และไม่สามารถหลุดออกมาได้ เราจึง สงสารเขา
เมื่อเราเห็นคนตกทุกข์
และไม่สามารถหลุดออกมาได้
เราจึง สงสารเขา
เมื่อเราตกอยู่ในทุกข์
และไม่สามารถหนีออกมาได้
เราจึง สงสารตัวเอง
กับคนอื่นๆ มันไกลตัวไป
ให้ลองมองตัวเราแค่นั้นพอ
ทำไมเราถึงตกมาอยู่ในทุกข์ ?
แล้วทำไมเราไม่สามารถออกมาได้ ?
แล้วทำไมเราปล่อยไว้จนมาถึงจุดที่สงสารตัวเอง ?
บางทีคำตอบมันง่ายนะเธอ ..
ก็เพราะเราลืมที่จะ #รักตัวเอง ในตอนนั้น...
เราเลยต้องมานั่ง #สงสารตัวเอง ในตอนนี้ ...
……….
2015
“พี่ดูมันทำกับหนูดิ” นางโมโห
“เออ เอาน่ะ ทนได้ก็ทนไป” เจ้ปลอบ
“หนูล่ะไม่อยากจะทน ฮึ่ย” แล้วนางก็หงุดหงิดต่อ
2016
“นี่มันทำขนาดนี้เลยเหรอ?” เจ้ถาม
“อือ... ค่ะเจ้” นางตอบเสียงอ่อยๆ
“แล้วนี่จะทำไงต่อไป” เจ้ถามต่อ
“ก็ทนได้ไงเจ้ ก็ทนต่อไป” นางตอบสิ่งที่เจ้เคยพูด
และทิ้งท้ายว่า “ไม่น่าเลยเนอะหนูเนี่ย”
2017
“……” เจ้ไม่มีคำพูด
“……” นางก็ไม่มีคำพูด น้ำตานางพูดแทน
นางกระพริบตาไล่น้ำตา ลุกขึ้น ยิ้มแห้งๆให้เจ้
“หนูสงสารตัวเองจังเลยเจ้”
เจ้ได้แต่นึกนะ ...
2015 นางบอกว่า “ไม่อยากทน”
2016 นางบอกว่า “ไม่น่าเลย”
2017 นางบอกว่า “สงสารตัวเอง”
แล้ว 2018 ….. นางจะพูดว่าอะไร?
………….
“สงสารตัวเองจัง”
หลายครั้งที่ inbox ขึ้นต้นด้วยประโยคนี้
หลายครั้งกว่าที่ inbox ลงท้ายด้วยประโยคนี้
และเยอะสุดคือทั้งขึ้นต้นและลงท้ายด้วยประโยคนี้
เราเคยถามตัวเองไหมว่า
ในชีวิตนี้เราพูดว่า “สงสารตัวเอง” ไปแล้วกี่ครั้ง?
แต่ละครั้งที่เรา “สงสารตัวเอง” เราได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง?
ความสงสาร ไม่ได้เกิดเอง มันมีที่มาที่ไป
เราไม่มาสงสารคนที่เขามีความสุขมากมายหรอก
90+% ของความสงสารมันมาจากการที่เราเห็นเขาตกอยู่ในความทุกข์ แล้วไม่ออกมาจากความทุกข์นั้นเสียที บางทีสงสารไปสงสารมา เขาก็ยังไม่ออกมา เราเลยกลายเป็นหมั่นไส้ (แต่นั่นเราจะไม่พูดถึงมันในวันนี้)
แล้วถ้าเรามองตัวเองล่ะ ....
ความสงสารตัวเอง
มันก็เกิดจากเราเห็นตัวเราอยู่ในความทุกข์
แล้วเรายังไม่ออกมาจากความทุกข์นั้นๆนั่นแหละ
ทำไมเราไม่ออกมาจากความทุกข์นั้น?
หลายคนก็ตอบหลายเหตุผลนะ
ความจำเป็นบ้าง นู่นบ้าง นี่บ้าง
แต่เจ้ถามจริงๆนะ
นั่นคือเหตุผล? หรือ ข้ออ้าง?
แล้วถ้าเรามองดีๆ มันไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อตัวเราด้วย
มันเป็นข้ออ้างเพื่อ “อีกฝ่ายหนึ่ง” ต่างหาก
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพชัดที่สุดคือ เรากำลังสร้างข้ออ้าง เพื่อให้อีกฝ่าย ฉุดรั้งเราไว้ให้อยู่กับความทุกข์และเสียใจต่อไป แล้วเราหลอนตัวเองว่านี่คือ เหตุผลและความจำเป็น ทำให้เราไม่ยอมออกไป ....
บางครั้งนะบางครั้ง
เราจะไม่ #สงสารตัวเอง เลยเธอ
ถ้าเรารู้จักที่จะ #รักตัวเอง
รักตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้
รักตัวเองให้เร็วกว่านี้
รักตัวเองให้คงที่กว่านี้
เพราะเรารักตัวเองไม่พอ มันก็เลยไม่มีแรงดึงเราออกจากหล่มข้ออ้าง ที่เราหลอนคิดว่านั่นเป็นเหตุผล เราคิดแค่ว่าเราจำเป็นต้องอยู่ตรงนี้ต่อไป ต้องทำตรงนี้ต่อไป และต้องยอมรับตรงนี้ต่อไป
บางคนโยนความ “รักตัวเอง” ทิ้ง
บางคนทำเป็นหลงลืมมันไป
บางคนเลวร้ายกว่า จับความ “รักตัวเอง” แต่งหน้าใส่หน้ากากร้ายๆ แล้วเรียกมันว่า “ความเห็นแก่ตัว” พร้อมกับพร่ำสวดใส่ตัวเองว่า เราจะไม่เห็นแก่ตัว แล้วก็ก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงนั้นต่อไป ทั้งๆที่จริงๆแล้ว สิ่งที่กำลังแหกปากเรียกร้อง มันคือ “ความรักตัวเอง” ไม่ใช่ “ความเห็นแก่ตัว”
เธอจ๋า....
ความเห็นแก่ตัว กับความรักตัวเอง มันคนละแบบกัน
แน่นอน เหตุผล กับ ข้ออ้าง มันก็คนละแบบเหมือนกัน
ถ้ายังคงสับสนอยู่ต่อไป
ความรักตัวเอง ก็ยังคงไม่ได้ทำงาน
หล่มข้ออ้าง ก็จะยังรั้งเธอไว้อย่างนั้น
สุดท้ายนะ ประโยคที่จะออกจากปากเธอก็คือ
“สงสารตัวเองจังเลย”
แต่... ถ้าวันนี้เธอพูดมันออกมาแล้ว
ตอบเจ้ได้ไหมว่า ... ต่อไปเธอจะพูดอะไรอีกดี?
ขอนะคะ ขออย่าให้เป็นคำว่า
“สมน้ำหน้าตัวเอง” เลยนะคะ