Diabetes โชคดีที่เป็นเบาหวาน

เมื่อฉันขึ้นหัวข้อว่าโชคดีที่เป็นเบาหวาน หลายคนคงสงสัยว่าฉันพูดเรื่องตลกอะไร แต่ฉันขอยืนยันว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แล้วใครจะอยากโชคดีกัน? เพราะจากที่ทราบมาเบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หายต้องกินยาตลอดชีวิต ตอนแรกฉันก็เชื่ออย่างนั้น จนกระทั่งเดือน สิงหาคม ปี2013 ฉันได้ตรวจสุขภาพประจำปี ผลปรากฎว่า น้ำตาลในเลือดฉัน 297mg/dl ทางโรงพยาบาลวิภาวดี โทรมาบอกฉันว่าให้ไปตรวจใหม่อีกที ฉันก็ไปตรวจใหม่อีกทีน้ำตาลในเลือดฉันพุ่งขึ้นเป็น 300mg/dl ซึ่งคนปกติ ต้องอยู่ที่ 70-100 mg/dl หมอวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานประเภทที่2 คืออินซูลินไม่ทำงานหรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำตาลตกค้าง อยู่ในเลือด และในปัสสวะ คนที่เสี่ยงจะเป็นเบาหวานคือ อ้วน พันธุกรรม และผู้สูงอายุ ฉันเสี่ยงคืออ้วน และแม่ก็เป็นเบาหวานด้วย สงสัยหรือไม่ว่าฉันอ้วนคืออ้วนขนาดไหน ฉันหนัก 90 กิโลกรัม สูง 153 เซนติเมตร หลังจากที่ตรวจและทราบว่าเป็นเบาหวานฉันก็ได้ยาลดน้ำตาลมากิน หมอนัดให้ไปตรวจอีก 7 วัน ฉันกลับบ้านมาแล้ววิเคราะห์ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่เป็นเบาหวานตั้งแต่ อายุ 32 ปี คำตอบคือฉันตามใจปาก ปล่อยตัวเองจนอ้วน และไม่ออกกำลังกายเลย ผลลัพธ์เลยกลายเป็นแบบนี้ ฉันโทษตัวเองอยู่ 1 วัน และหลังจากนั้นฉันก็บอกกับตัวเองว่า ฉันต้อง ดีขึ้นให้ได้ ฉันไม่อยากตายเร็ว เพราะผู้ป่วยเบาหวานส่วนมากที่ฉันรู้จักตายเร็วจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ จากนั้นฉันเริ่มหาข้อมูลต่างๆ ที่จะช่วยให้ฉันดีขึ้น ฉันได้รู้จักอาหารเเลกเปลี่ยน ที่ฉันจะสามารถคำนวณแกลอรี่ และปริมาณน้ำตาลได้ และฉันก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องกินแบบหักดิบเลย คือ ของที่ชอบและอร่อยของฉันส่วนมากคือตัวการที่ทำให้อ้วน คือเนื้อสัตว์ ของทอด ขนมหวาน ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆ คือ ทุเรียน ของโปรดสุดๆ แล้วเปลี่ยนมากิน ผัก ผลไม้ที่หวานน้อย กินข้าวลดปริมาณลง คือไม่เติม โปรตีนก็กินจากถั่ว กรรมวิธีในการปรุง คือกินสด ต้ม นึ่ง เลิกกินน้ำหวานน้ำอัดลม ชา กาแฟ น้ำผลไม้หวานๆ ก็ไม่กิน จากนั้นผ่านไป 7 วัน และกินยาที่หมอให้มา และไปตรวจน้ำตาลอีกครั้ง ผลออกมาน้ำตาลฉันลดลงเหลือ 200mg/dl และพร้อมกับน้ำหนักฉันเริ่มลดลง หมอนัดอีก1เดือนถัดมา น้ำตาลก็ลดลงอีกเหลือ 180 mg/dl ฉันก็ยังปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในเรื่องกิน ครบ 1 ปี น้ำตาลในเลือดเหลือ 100mg/dl พร้อมกับน้ำหนัก ที่ลดลงเหลือ70 กิโลกรัม ฉันเลยคิดว่าสามารถฉันควบคุมมันได้ เลยคิดว่าถ้าไม่กินยาล่ะ ? ระดับน้ำตาลในเลือดฉันจะเป็นอย่างไร เริ่มการทดลอง แต่หลังจาก 1 ปีที่ผ่านมาฉันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างคือ ฉันเริ่มออกกำลังกายโดยการไปสมัครสมาชิกยิม เพราะควบคุมอาหารอย่างเดียว น้ำหนักลดมาที่70 kg และไม่ลดอีกเลย เริ่มต้นฉันฝึกมวยไทย 2 เดือนผ่านไป น้ำหนักฉันลดลงมาเหลือ 62 kg ฉันออกกำลังกาย 6 วันต่อสัปดาห์ และฉันไปตรวจเลือดอีกครั้งโดยที่หมอไม่ได้นัด แต่อยากรู้ผลการทดลอง ฉันโดนพยาบาลตำหนิเรื่องที่หายไป และไม่ยอมมารับยา และผลตรวจเลือดออกมา น้ำตาลในเลือด คือ 115mg/dl ก็ยังเกินอยู่นิดหน่อย และหมอก็ไม่ให้ยา บอกว่าควบคุมเรื่องการกินและออกกำลังกายและบอกว่าฉันทำได้ดี แต่ให้มาตรวจเลือดทุก 1 เดือน ผลตรวจก็ปกติ ก็นัดห่างขึ้นเป็น 3 เดือน ก็ทุกอย่างปกติ ตอนนี้นัดตรวจ 6 เดือนครั้ง ฉันทำได้ แล้วไหนล่ะที่หมอบอกว่าต้องกินยาตลอดชีวิต ฉันเข้าไปหาข้อมูลในกูเกิ้ล ก็บอกเหมือนหมอ

➡และนี่คือฉันกับทุกอย่างที่ฉันทำกับร่างกายของฉัน กับตลอด 4 ปีที่ผ่านมากับความพยายาม ฉันต้องขอบคุณตัวเองที่ไม่ยอมแพ้ และครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ และนี่คือความโชคดีของฉันที่เป็นเบาหวาน 🎉🎉😉


⚠นี่คือผลการตรวจสุขภาพที่รู้ว่าเป็นเบาหวาน ดูผลลัพธ์สิเกือบทุกอย่างเหตุการณ์เลวร้าย น้ำหนักลดลงดีใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นเบาหวานแรกๆน้ำหนักจะลดเพราะไม่สามารถดึงน้ำตาลไปใช้ ร่างกายเลยดึงโปรตีน ไขมัน ไปใช้แทน

➡ผ่านไป 1 ปีและเริ่มไม่กินยาระดับน้ำตาลในเลือดก็เกินนิดหน่อย



➡ผลน้ำตาลในเลือดปกติ

➡ตรวจล่าสุดและหมอนัดอีกครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า😉
➡ข้อมูลการรักษาของฉัน สามารถไปเช็ครายละเอียดได้ที่โรงพยาบาลเกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ชื่อของฉันคือ ว่าที่ร้อยตรีหญิง ผาสุก หลงละเลิง

ฉันหวังว่าเรื่องของฉัน น่าจะมีประโยชน์ต่อคนป่วยเบาหวาน หรือคนที่มีญาติหรือคนรู้จักที่ป่วยเป็นเบาหวาน ลองนำไปปฏิบัติดู และแค่คุณคิดว่าเป็นไปได้ มันก็จะได้ อย่ามีข้อแม้แล้วลงมือทำ หากใครมีข้อสงสัยเพราะบางหัวข้อฉันไม่ได้ลงรายละเอียดมากนักเพราะเชื่อว่าทุกคน สามารถหาข้อมูลได้จากในกูเกิ้ลอยู่แล้ว ที่ฉันเขียนเป็นเรื่องที่ฉันได้ทดลองกับตัวเองและได้ผลจริง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ฉันยินดีตอบค่ะ