11 cities could disappear by 2100 เมืองใหญ่ 11 เมืองที่อาจจะจมหายใต้ทะเลภายในปี 2100
หลายที่ฝนเริ่มลดน้อยลงแต่ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดอุบลราชธานีก็ยังมีหลายพื้นที่ ที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วม เรื่องของน้ำท่วมเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ สภาพอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจากการทำลายธรรมชาติของมนุษย์ และปัจจัยอื่นๆ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วม สำหรับชาวนาหรือเกษตรกรที่ทำกสิกรรมในบริเวณพื้นที่ลุ่มเรื่องน้ำท่วม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย แต่สำหรับคนเมืองเรื่องน้ำท่วมนั้นอาจจะใกล้ตัว แต่ถ้าใครอยู่ในกรุงทำในช่วงปีที่มีน้าท่วมใหญ่ในกรุงเทพ น่าจะรู้ว่าความยากลำบากที่เกิดจากน้ำท่วมคืออะไร
ในปัจจุบันสภาพอากาศทั่วโลกมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น และระดับน้ำทะเลก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน เมืองที่อยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลต่างได้รับผลกระทบจากปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น บางเมืองถูกน้ำท่วม เพราะที่ดินมีการจมตัวลง เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและมีการกัดเซาะของน้ำทะเลในบริเวณชายฝั่ง ขณะเดียวกันบางเมืองก็มีการจมตัวลงเนื่องมาจากการขุดเจาะน้ำบาดาลมาใช้งานเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้เกิดการยุบตัวของพื้นดิน มี 11 เมืองที่คาดการณ์กันว่าจะถูกน้ำท่วมและหายไป
September Deals Promotion
Promotion Period: 12 September 2019 at 9.00 am – 18 September 2019
Travel Period: 19 September 2019 – 28 March 2020
1) Jakarta, Indonesia - เมืองหลวงจาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซีย มีพื้นดินที่จมตัวลงในระดับ 6.7 นิ้วในแต่ละปี เนื่องจากมีการสูบน้ำบาดาลมาใช้เป็นจำนวนมาก คาดว่าเมืองนี้จะถูกน้ำท่วมทั้งหมดภายในปี 2050 และนี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ประเทศอินโดนีเซีย จะมีการย้ายเมืองหลวงไปยังที่อื่น
2) Lagos, Nigeria - เมืองนี้คาดว่าจะมีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในระดับ 6.6 ฟุตภายในเร็วนี้ๆ เนื่องจากสภาพอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น และมีพื้นที่รอบแนวชายฝั่งมีการทรุดตัว
3) Houston, Texas - พื้นที่บางส่วนของเมืองนี้มีการจมตัวลงในระดับ 2 นิ้วในแต่ละปี และมีความเสี่ยงต่างที่ที่เกิดน้ำท่วมจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
4) Dhaka, Bangladesh - ถึงแม้ว่าประเทศบังคลาเทศจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอัตราเพียง 0.3 เปอร์เซ็นต์ ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น แต่บังคลาเทศเองก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าภายในปี 2050 พื้นที่จำนวน 17 เปอร์เซ็นต์ของประเทศบังคลาเทศจะถูกน้ำท่วม
5) Venice, Italy - เมืองเวนิสของประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเต็มเป็นด้วยคลอง โดยเมืองเวนิสมีอัตราการจมตัวลงของเมืองในระดับ 0.08 นิ้วในแต่ละปี
6) Virginia Beach, Virginia – บริเวณชายกาดของเวอร์จิเนียมีอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก และคาดว่าในปี 2100 ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 12 ฟุต หรือ 3.65 เมตร
7) กรุงเทพ ประเทศไทย – เพราะมีการขุดเจาะน้ำบาดาลมาใช้ มีอัตราการจมตัวลงของพื้นที่ในระดับ 1 เซนติเมตรต่อปี และคาดว่าภายในปี 2030 นี้เมืองกรุงเทพจ่าจะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และแน่นอนว่าน้ำท่วมแน่นอน
8) New Orleans, Louisiana – เมืองนี้มีระดับการจมตัวลงของพื้นดินประมาณ 2 นิ้วในแต่ละปี และคาดว่าจะถูกน้ำท่วมภายในปี 2100
9) Rotterdam, The Netherlands – มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ในเมืองนี้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่ทางเมืองได้มีการบริหารจัดการโดยสร้างพื้นที่เก็บน้ำในหลายโครงการเพื่อรองรับกับปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น
10) Alexandria, Egypt – ภายในปี 2100 เมืองนี้จะมีระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นถึง 2 ฟุต หรือ 60 เซนติเมตร
11) Miami, Florida – เมืองนี้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก คาดว่าภายในปี 2030 น่าจะถูกน้ำท่วมทั้งหมด และจะต้องมีการยกพื้นที่สิ่งปลูกสร้างๆต่างให้สูงขึ้นกว่าระดับน้ำทะเลเพื่อเป็นการป้องกัน
ไม่ว่าจะเป็นประเทศร่ำรวยหรือยากจน ก็ต่างได้รับผลกระทบจากปัญหาจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น เรื่องน้ำท่วมในเมืองใหญ่ของโลกที่เราเคยได้เห็นแต่ในภาพยนตร์คงจะได้เห็นเป็นเรื่องจริงอีกไม่นานนี้แน่นอน
Global temperatures and sea levels are rising. Low-lying coastal cities are already experiencing devastating floods and working to come up with creative solutions to combat rising tides.
Some cities are sinking due to increasing sea levels slowly encroaching on their coasts, while others are sinking because of excessive groundwater pumping that creates a change in pressure and volume that causes land to sink.