เรื่องเล่าของสาวฟันเหล็ก

เมื่อต้องจากฟันเหล็ก..ความรู้สึกก็จะโล่งๆในปากเมื่อไม่มีอะไรใส่อยู่ เเต่ก็ยังพูดติดๆขัดๆเมื่อต้องใส่รีเทิร์นเนอร์...โดยรวมเเล้วก็ถือว่าพอใจในระดับหนึ่งถึงสองสามเลย..คือจะได้ไม่ต้องรอไปหาหมอทุกๆเดือนเหมือนเมื่อก่อน..เเละการไปหาบางครั้งก็รู้สึกกินข้าวเเทบไม่ได้เลย...

อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนานพอสมควร...โดยระยะเวลา 6 ปีกว่าๆเห็นจะได้..เราเริ่มทำการตัดสินใจจัดฟันเมื่อปี 2554 ตอนนั้นซึ่งเป็นเวลายาวนานมากกก...ก่อนหน้าที่เราจะตัดสินใจจัดฟันก็มีการสอบถามข้อมูลหลายๆคลีนิคมาเเล้วนั้น...บางคลีนิคก็บอกต้องผ่าตัดกรามเราถึงจะจัดได้ เพราะเราเป็นคนฟันล่างยื่น...เเละฟันบนห่าง...ที่ฟันบนห่างก็เพราะเราไม่กล้าถอนฟันเคี้ยวที่เป็นฟันน้ำนม จนปล่อยระยะเวลามา 20 กว่าปี จนทำให้ฟันน้ำนมมีรากงอกจนเปลี่ยนตัวเองเป็นฟันเเท้...กล้าดีมากไหมละโดยไม่มีการขออนุญาตจากเจ้าของร่างกายเลยเเม้เเต่นิด...เราก็เลยทำการสอบถามพ่อเเม่ พี่น้อง คนที่รู้จัก โดยมีความเชื่อตามสุภาษิตที่เขาบอกว่า ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมากก่อน...ก็เลยตัดสินใจถามพ่ออีกครั้ง ได้ความมาว่า...ถอนเลย ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวมันก็งอกมาใหม่...ทันใดนั้นเราก็ทำการถอนฟัน จนพบว่ามันมีรากงอกมาเเล้ว....เเละหลังจากนั้นก็ทำให้ฟันด้านบนเป็นคนที่ยิ้มเเบบไม่เต็มที่เพราะฟันห่าง...

ทำไมถึงจัดฟันได้นานจัง 6 ปีเลยหรอ?? ใช่คะนี้คือเรื่องจริงเนื่องจากว่า..เราพบปัญหา...หมอฟันไม่มีใบประกอบ หลอกกันมาได้ 5 ปี เราก็คิดว่าเอ๋ ทำไมฟันเราไม่เข้าสักที..จนวันหนึ่ง จะไปเปลี่ยนยางฟัน..ก็พบป้ายว่าปิดปรับปรุง มารู้อีกทีหมอหนีหายไปไหนละ.. จนมีหมอที่เขามาเปิดคลีนิคต่อ โดยการจะรับผิดชอบคนไข้ที่เหลือ..โชคยังดีคะ...

ไปพบหมอคนใหม่เพียงไม่กี่เดือน..หมอก็ทำการดึงฟังล่างให้ชิด..ผ่านไปเเต่ละเดือนๆละเดือน หมอก็ถามว่ามันก็ยังไม่ดีมากนะถามเราว่าจะทำต่อไหม..อาจจะมีการเจาะสกรูเพิ่มที่เหงือกด้านบน...ด้วยความที่เราเองก็อยากถอดมานานมากละก็เลยไม่ทำต่อพอใจเเค่นี้เลยตัดสินใจให้หมอเอาออก จบการรักษาเเต่ก็ต้องไปปรับรีเทิร์นเนอร์ทุกๆหกเดือนต่อจากนี้...

เเน่นอนคะความเปลี่ยนเเปลงบนใบหน้าก็เปลี่ยนมากขึ้น..หน้าก็จะดูเรียวๆเหมือนไปศัลยกรรมตัดกรามมา...เเลดูผอมๆตรงใบหน้า...ไว้ว่างๆจะเอารูปเก่าๆมาอัพเดตความเปลี่ยนเเปลง...ซึ้งต้องบอกว่า...เปลี่ยนเเปลงจนน่าตกใจ...